วันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
งานแสดงโชว์รถแต่งที่ Geneva
วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2556
Honda New Stepwgn VS. New Freed ภาค 2
ต่อเนื่องจากบทความที่แล้ว แต่หากจะพยายามเพิ่มความสบายในการเดินทางด้วยขนาดฟังก์ชัน เนื้อที่ใช้สอย และหน้าตาที่หล่อเหลาล้ำสมัย รับรองว่าต้องถูกใจเจ้า New Stepwgn Spada ก่อนอื่นเลยต้องบอกว่าหลังจากที่ได้รับการปรับโฉบมานี้ หน้าตาของมันเปรียบเหมือนซามูไรหล่อๆ คนหนึ่งทีเดียว โดยเฉพาะความดุดันด้านหน้าที่เพิ่มขึ้นด้วยกระจังหน้าที่เป็นแบบโครเมียมรมดำรวมถึงไฟหน้ารมดำด้วยเช่นกัน จากนั้นก็เพิ่มความสปอร์ตเข้าไปด้วยล้อที่มีสีสันคมเข้ม ท้ายรถก็โดดเด่นด้วยไฟท้าย LED และสปอยเลอร์ด้านบน แต่ที่เห็นจะเป็นที่ถูกใจคนรุ่นใหม่ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าหนูตัวน้อย ก็น่าจะเป็นหลังคาแบบ Skyroof ที่เป็นกระจกบานใหญ่ทั้งชิ้นบนหลังคาโดยมีแผ่นบังแดดปิด-เปิดด้วยไฟฟ้า เพิ่มความน่าสนใจให้กับเจ้าคันนี้ได้อีกมากวึ่งหากเป็นคนนั่งด้านหลัง จะรู้สึกเลยว่า New Stepwgn Spada เป็นรถที่นั่งแล้วรู้สึกสบาย โดยเฉพาะมุมมองที่ให้ความกว้างโอ่โถงด้วยกระจกด้านหลังที่บานใหญ่ ขึ้น-ลง ก็ง่ายด้วยประตูแบบสไลด์ไฟฟ้าทั้ง 2 ด้าน ที่ควบคุมได้จากทั้งสวิตซ์บริเวณคนขับด้วย และหากจะบรรทุกของขนาดใหญ่ ก็สามารถพับเบาะนั่งแถว 3 เก็บลงในพื้นที่รถได้ด้วย โดยใช้เวลาในการพับเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น
ความหรูหรามีให้ได้สัมผัสโดยรอบห้องโดยสารทั้งเบาะหนังและลายไม้เย็นสบายด้วยช่องแอร์ที่มีแยกให้สำหรับคนนั่งแถว 2 และแถว 3 ในส่วนของผู้ขับก็ได้ความรู้สึกถึงความสบายในการขับระยะทางไกลอุปกรณ์ฟังก์ชันต่างๆก็มีมาให้เลือกใช้อย่างสะดวกทั้งพวงมาลัย Multi-function ควบคุมได้ทั่วถึงทั้งเครื่องเสียง โทรศัพท์ Cruise Control และสวิตซ์เลือกดูข้อมูลการขับขี่ ฟิลลิ่งการขับแทบไม่ต่างจากรถซีดานขนาดใหญ่ มีปุ่ม ECON มาเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดเชื้อเพลิงในกรณีที่ใช้ความเร็วในการเดินทางไม่สูง และใช้ความเร็วคงที่เครื่องยนต์ขนาด 1,997cc – i-VTEC 150 แรงม้า ให้กำลังขับเคลื่อน และอัตราเร่งที่ทันใจแต่ก็ได้รับความนุ่มนวลจากระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT และถ้าพูดถึงระบบที่มาช่วยประหยัด NEW Stepwgn Spada ก็มีระบบ Idling Stop ที่เครื่องยนต์จะดับเมื่อเหยียบเบรคขณะรถติดไฟแดง และติดเองเมื่อปล่อยเท้าจะเบรค หรือเพียงแค่หมุนพวงมาลัยนอกจากนี้ยังมีระบบ HSA (Hill Star Assist) ทำให้การออกตัวในมีลาดชัน รถจะไม่ไหล ก็จะได้ประโยชน์ มากโดยเฉพาะเวลาขึ้นตึกจอดรถที่ต้องออกตัวบนทางลาดชันบ่อยครั้ง เพียงแต่การเดินทางไปจังหวัดสุโขทัยครั้งนี้ไม่มีโอกาสได้ใช้เท่านั้นเอง
New Stepwgn Spada เป็นรถที่ขับออกทริปทางไกลๆ ได้ดีโดดเด่นเรื่องความสบายทั้งผู้ขับและผู้นั่ง และหากใช้ความเร็วในการเดินทางอย่างเหมาะสม คือไม่เกิน 120-130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก็ถือเป็นรถที่มีประสิทธิภาพการทรงตัวที่ดีขับทางไกลจะไม่เหนื่อย ก็นับว่าเหมาะมากกับการเป็นรถที่พาครอบครัวไปเที่ยวต่างจังหวัด และถ้าจะเอารถไปใช้งานในเมืองก็ยังเหมาะ เพระขนาดตัวรถก็ไม่ได้ใหญ่โตเทอะทะจนขับในเมืองลำบาก
ระยะทางเกือบ 1,000 กิโลเมตร กับรถ MUV ทั้งสองคันขนาดอาจจะต่างกัน แต่ถ้ารู้จักใช้งานให้เหมาะสม ผมว่าทั้งสองคันจะเป็นรถที่คนในครอบครัวคุณชื่นชอบเลยทีเดียว
วันจันทร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2556
Honda New Stepwgn VS. New Freed
รถประเภท MUV (Multi-Utility Vehicle) หรื่อแปลง่ายๆ ก็คือรถที่มีความอเนกประสงค์หลากหลายกลายเป็นอีก 1 ประเภทรถที่ได้รับความนิยมในสังคมปัจจุบัน โดยเฉพาะกับครอบครัวที่มักเดินทางไปพร้อมๆกัน 6-7 คน หรือแม้จะเดินทางกันในจำนวนไม่มาก ก็สามารถดัดแปลงด้านหลังโดยการพับเบาะนั่งสามแถวเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการบรรทุกสัมภาระ เมื่อไม่นานมานี้ Honda Automobile ประเทศไทย ก็ได้เปิดตัวรถรุ่นใหม่ประเภทนี้พร้อมกันถึง 2 รุ่น คือ New Stepwgn Spada และ New freed ซึ่งหากจะพิสูจน์ความเอนกประสงค์ว่าสมคำจำกัดความของ MUV หรือไม่ การเดินทางไกลในลักษณะออกทริปท่องเที่ยวไปด้วยกัน ก็น่าจะเป็นของพิสูจน์ที่เหมาะสมที่สุด 4 คนต่อ 1 คัน เป็นโจทย์ของเราในครั้งแรก โดยเราจะเดินทางไปกันด้วย New Stepwgn Spada และ New freed มุ่งหน้าสู่จังหวัดประวัติศาสตร์ชาติไทยครั้งเก่าก่อนอย่าง “สุโขทัย” รวมระยะทางไปกลับเฉียด 1000 กิโลเมตร งานนี้ถ้าขับหรือนั้งไม่สบายจริงหละก็…
New Freed กับการปรับปรุงใหม่ หน้าตาดูทันสมัยขึ้นดดยเฉพาะด้านหน้ากันชนกระจังหน้าและไฟหน้า ล้อลายใหม่ก็ช่วยเสริมบุคลิกได้ไม่น้อยแต่ประเด็นคือ ภายในห้องโดยสารที่ได้รับการตกแต่งและเพิ่มเติมอุปกรณ์ที่น่าสนใจ เบาะนั่งหุ้มหนังนั่งสบายกว่าเดิมไม่น้อย
แม้ตัวรถจะดูเอนกประสงค์ขนาดเล็ก แต่การเดินทางไปพร้อมกัน 4 คน พร้อมด้วยการพับเบาะหลังแถว 3 ขึ้นเพื่อขนสัมภาระ และจักยานพับอีก 1 คัน ก็เป็นอะไรที่ลงตัวมากๆ เรื่องควมคับแคบหรืออึดอัด เป็นสิ่งที่ผมไม่เจอในรถคันนี้ ความเย็นสบายเป็นไปอย่างทั่วถึงด้วยการที่มีช่องแอร์บนหลังคาสำหรับคนนั่งแถวหลัง ซึ่งความสะดวกสบายที่พบแต่ก่อนออกเดินทางก็คือประตูหลังแบบสไลด์ด้วยระบบไฟฟ้าที่สะดวกมากจะเปิดเองได้ หรือจะให้คนขับเปิดให้จากสวิตซ์ควบคุมด้านหน้าก็ได้เช่นกันเรื่องความบันเทิงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการเดินทางไกล เจ้า New Freed ก็มีมาให้พร้อมด้วยระบบเครื่องเสียงที่ด้านหน้าเป็นจอสัมผัสรับได้ทั้งวิทยุและ Mp3 รวมถึงระบบเชื่อมต่ออุปกรณ์ภายนอกทั้ง Bluetooth, AUX,และ USB แต่สำหรับคนนั่งด้านหลังก็พร้อมรับความบันเทิงได้อย่างเต็มรูปแบบ เพราะมีจอ LCD ขนาด 9 นิ้ว 2 จอซ้าย ขวา พร้อมเครื่องเล่น DVD ส่วนความสะดวกและความปลอดภัยในการขับก็มากขึ้น โดยเฉพาะกล้องมองหลังที่มีภาพปรากฏขึ้นที่จอด้านหน้าแดชบอร์ดขณะเข้าเกียร์ R ถอยหลัง
สมรรถนะการขับขีของ New Freed ยังคงใช้เครื่องยนต์ขนาด 1,497 cc 4 สูบ 16 วาล์ว SOHC ควบคุมได้ดี โดยเฉพาะกับระบบพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า ESP ที่ให้น้ำหนักเหมาะสม คนขับก็ไม่ต้องพยายามควบคุมจนเหนื่อย ส่วนคนนั่งก็รู้สึกสบายได้ตลอดการเดินทาง
-> ยังมีรีวิวต่ออ่านในบทความถัดไปนะครับ
วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2556
REVIEW : Suzuki Swift GLX ภาค 3
ทั้งยังทันสมัยด้วยปุ่ม Start/Stop กับกุญแจแบบ Keyless ที่ไม่ต้องบิดไขเครื่องยนต์ปนเนื้อเหล็กที่เสียดสีจุดระเบิดเมื่อจิ้มลงไป น้ำหนักพวงมาลัยเบาเกินเมื่อรถเคลื่อนตัว ไม่สมชื่อว่านี่คือ Mini ญี่ปุ่น น้ำหนักน่าจะเพิมประมาณ 10 % ให้กระชับ ตอบสนองมากขึ้นกว่านี้ มากกว่าการเน้นความสบายเพราะโถมความเร็วขึ้นมันออกอาการหวิวนิดๆ หรืออาจต้องเพิ่มขนาดหน้ายางจากของเดิมติดรถแค่ 185/55R16 เป็น 205 น่าจะดีขึ้น
ผมวอร์มอัพด้วยการไปดินเนอร์ที่เซ็นทรัล ขาลงจากที่จอดรถมีความรู้สึกเหมือนทัศนะวิสัยหายไป 15 % ในมุมขวาด้วยขนาดกระจกมองข้างตรงเสา A มันใหญ่บังโค้งมากไปซึ่งดูแล้วตัวกระจกนะไม่เท่าไหร่ แต่ตัวกรอบนี่สิเบ้อเริ่มอย่างไม่จำเป็นและสิ้นเปลือง แถมไม่เข้ากับรถอีกต่างหากพอได้ขึ้นด้านบนทางด่วนที่ขับใส่แบบเนื้อๆผมว่าระบบรองรับนุ่มเกินไปนิด ใช้อยู่ที่มันเหมาะกับใช้งานเมือง แต่ไม่ใช่ภาพของ Swift ที่เป็นแบบนี้ มันควรจะหนึบ เกาะ และตอบสนองมากกว่านี้อีกสัก 20% ก็จะดีมาก
เครื่องยนต์ 1,242 cc 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผันทั้งไอดีและไอเสีย กำลัง 91 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที กับแรงบิด 87 ปอนด์ – ฟุต (118 นิวตันเมตร) ที่ 4,800 รอบต่อนาที บอกใบ้เป็นนัยว่ารถ Swift เป็นพวกรถรอบจัด ต้องอัดกันสูงๆ โดยเฉพาะอัตราทดเกียร์ ที่เป็น CVT เริ่มต้นที่ 4.006 จนถึง 0.550 และก็เป็นเยี่ยงนั้นจริงๆ ช่วงรอบต้นมันธรรมดาจริงๆแต่เมื่อพ้น 4,000 รอบต่อนาที เท่านั้นความสนุกจึงเริ่มต้นขึ้น เสียงลื่นไหลเนียนเสนาะหู ตัวรถพุ่งทะยานเหมือนกำลังของก๊อกที่สองถูกปล่อยออกมา
อย่างแปลกใจที่ทำไมหลายๆคนชอบมันรวมทั้งตัวผม ทำให้อยากขับตัว Swift Sport ที่สื่อเมืองนอกมันไต่ขึ้นชาร์ท Car of The Year เลยละ
วันพฤหัสบดีที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2556
REVIEW : Suzuki Swift GLX ภาค 2
วัสดุภายในค่อนข้างดูดี มีมิติ มี Texture พื้นผิว การประกอยเนี้ยบดีพอสมควร เพราะประกอบมาเยอะแล้วเป็นหมื่นๆ คันชอบตรงความกว้าขวางที่ใหญ่กว่า Eco car ยี่ห้ออื่นยกเว้น Nissan Almera ที่มีชองใส่ของมาให้เยอะมาก คอนโซลขอบเส้นเดินตัดจังหวะด้วยอะลูมิเนียมวาวรอบคันส่องประกายตัดความดำให้วาวขึ้น เป็นเส้นนำสายตาให้กว้างขึ้น และภายในก็เป็นสีดำทั้งหมด
พวงมาลัยหนังแบบ 3 ก้าน ที่ดูดียกเว้นเนินกะโหลกตรงปุ่มแตร หุ้มหนังเย็บด้ายโชว์รอยตะเข็บ มีปุ่มปรับเครื่องเสียงที่ด้านซ้าย เบาะผ้าทรงกึ่งบักเก็ต มีปีกอุ้มซับข้างเอว วัสดุที่ใช้ดูดีกว่ารถหรูบางยี่ห้อด้วยซ้ำ โดยเฉพาะที่ท้าวแขนบริเวณประตูเป็นวัสดุยูริเทนนุ่นๆ ไม่เอาพลาสติกแข็งสากเป็นหนังจระเข้ที่จะขูดข้อศอกกินเลือดกัดเนื้อจนถลอกเวลาวางศอกลงไป การใช้วัสดุที่มีพื้นผิวต่างกันในค็อกพิท ผมว่าจะสร้างมิติความรู้สึกในรถไม่น่าเบื่อ ดีใจที่ Suzuki ยอมลงทุนตรงจุดนี้มีแผงหน้าปัดสองวงใหญ่ ดูดีเห็นชัดเป็นมันวาวรอบวง ดูง่ายด้วยตัวเลขสีขาวเรียบๆทื่อๆ ติดก็ตรงเบาะหลังนี่แหละที่ไม่มีร่องหลุม หากแข็งน้อยนึกว่าไม้กระดานเลยแหละ นั่งไม่สบายเท่าไหร่ ลูกชายผมชอบนั่งเบาะหนานุ่มจมๆ เหมือนพิซซ่า ต้องมานั่งตัวตรงแหน่วบน swift ทำเอาบ่นเป็นหมีกินผึ้งอยู่ 3 วัน แต่ดีที่สามารถพับเบาะหลังได้ 40:60 หรือจะทีละด้าน หรือทั้งหมด เวลาที่ต้องการพื้นที่ใส่ของมากๆ
--> ยังมีรีวิวต่ออ่านในบทความถัดไปนะครับ
วันพุธที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2556
REVIEW : Suzuki Swift GLX ภาค 1
ตอนเปิดตัวใหม่ๆ Swift ที่ผลิตภายใต้โครงการ Eco car ได้รับเสียงต้องรับสุดฮือฮา ด้วยรูปลักษณ์และพื้นฐานแบบเดียวกับ Swift รุ่นเดิมที่ใช้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร (ตัวใหม่เป็น 1.254 ลิตร )ทำให้ได้เปรียบคู่แข่งที่เป็น ECO car อื่นๆ อย่างเห็นได้ชัดประกอบกับ Swift เดิมสร้างชื่อเสียงไว้ในต่างประเทศเยอะจนยอดจองที่เปิดตัวถล่มทลาย และตอนนี้เหมือนเป็นรถยี่ห้อเดียวในกลุ่มที่ไม่ได้ผลกระทบจากผู้ทิ้งใบจอง
บอกตรงๆว่าในความคิดของผมหน้าตา Swift ก็ไม่สวยงามโดดเด่นสะดุดตาที่ต้องเหลียวมองจนคอหักเสียงของเครื่องยนต์ก็ไม่ได้เร่าร้อนถึงกับเพราะเสนาะโสตจนรื่นหู แต่ด้วยลักษณะทรง 2 กล่อง ก็น่าจะมีพื้นที่เยอะ เพราะฐานล้อกว้างกว่ายี่ห้ออื่นๆ รุ่นนี้จะแตกต่างจาก Swift รุ่นเดิมที่ตรงซุ้มล้อที่โป่งขึ้น มีไฟท้ายที่ยาวกว่า ฝาท้ายซ่อนที่เปิดลงด้านล่าง เหมือนรถธรรมดาๆ แต่ เหมือนมันมีออร่าประกายมาให้เห็นจับต้องราศรีให้เห็น
Swift ออกมา 3 รุ่น GA,GL และ GLX มีเกียร์ธรรมดากับเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ใจจริงแล้วอยากจะได้เกียร์ธรรมดามาขับแต่ลืมแจ้งเจ้าของรถไว้เลยได้ตังท็อป GLX มีเกียร์ CVT อย่างเดียวมาขับ ตัวรถจะต่างกับรุ่นอื่นที่มีอ๊อฟชั่นมากกว่า อาทิ พวงมาลัยปรับได้ทั้งสูงต่ำ/หน้าหลัง (อันนี้หายากในรถขนาดนี้) มีมาตรวัดอุณหภูมิภายนอก พวงมาลัยหุ้มหนังสามก้านไฟตัดหมอกด้านหน้ากระจกมองข้างสีเดียวกับรถพับได้ด้วยไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยว ไล่ฝ้ากระจกหลัง ล้อและยางขนาด 16 นิ้ว ซึ่งที่ไม่ชอบคือเฉพาะแค่รุ่นนี้ไม่มียางอะไหล่มาให้แต่จะมีชุดปะยางมาให้แทน ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันปกติชุดซ่อนมักจะอยู่ในรถที่ใช้ยางประเภทรันแฟลต รุ่นอื่นจะมียางอะไหล่มาให้
--> ยังมีรีวิวต่ออ่านในบทความถัดไปนะครับ
วันอังคารที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2556
Porsche Panamera S E-Hybrid
Porsche Panamera S E-Hybrid ซึ่งถือว่าเป็นรถไฮบริดระดับหรูที่เปี่ยมได้ประสิทธิภาพมาพร้อมพละกำลังเครื่องยนต์ 416 แรงม้า รูปลักษณ์ภายนอกมีความเป็นสปอร์ต และมีเส้นสายที่โฉบเฉี่ยว
Porsche Panamera S E-Hybrid ใช้เครื่องยนต์แบบ Parallel Full Hybrids ที่ได้รับการพัฒนาให้มีความล้ำสมัย มาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทรงพลังเพิ่มประสิทธิภาพของแบตเตอรี่โดยสามารถให้พลังงานกับเครื่องยนต์มากยิ่งขึ้น การขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวทำได้ถึง 95 แรงม้า ซึ่งถือได้ว่ามากกว่ารุ่นเดิมกว่าเท่าตัว พลังงานนั้นได้รับจากแบตเตอรี่แบบ Lithium-ion ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่ และมีกำลังถึง 9.4 กิโล-วัตต์ต่อชั่วโมง ซึ่งมากกว่าแบตเตอรี่แบบ Nickel Metal Hydride ที่ใช้อยู่ในรุ่นเดิมที่ทำได้ 1.7 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมงอีกด้วยไม่เพียงเท่านี้แบตเตอรี่ยังสามารถชาร์จไฟผ่านเครื่องมือชาร์จ Porsche Universal Charger (AC) ที่ได้มาตรฐานในเวลาเพียงแค่ 2 ชัวโมงครึ่งเท่านั้น
Porsche Panamera S E-Hybrid คันนี้ใช้ระบบเกียร์อัตโนมัติ Tiptronic S 8 สปีด ได้รับการพัตนาให้มีประสิทธิภาพการทำงานของฟังก์ชั่น Start/Stop โดยระบบจะทำการปิดการทำงานของเครื่องยนต์ได้เร็วขึ้นเมื่อกำลังจะหยุดการทำงานของระบบ Coasting ซึ่งทำให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้มากขึ้น พร้อมระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ฟังก์ชันมากมายเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ขับขี่ และผู้โดยสารอีกทั้งยังสามารถเปิดการทำงานได้โดยผ่าน App ของสมาร์ทโฟน อาทิเช่น ตัวบ่งบอกถึงสถานะแบตเตอรี่ที่ได้รับการชาร์จ หรืออุปกรณ์ควบคุมอุณหภูมิ (Climate Control Option) ภายนอกได้รับการเปลี่ยนแปลงให้มีความโดดเด่นมากขึ้นดดยเฉพาะด้านหลังที่ได้รับการออกแบบมาใหม่หมด










